ในหลายประเทศ แถวยุโรป และอเมริกา มีการนำถ้วยชา รองด้วยขนสัตว์ เป็นของประดับบ้าน เป็นงานศิลปะ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับประวัติ และที่มาของ การแต่งบ้านสวยด้วย Object (Le Déjeuner en fourrure) ถ้วยน้ำชาขนสัตว์วัตถุเซอร์เรียลแห่งยุคคลำสสิกกับเรื่องที่ไม่เคยได้สัมผัส
เมเร็ท โอเพนไฮม์ (Méret Oppenheim) ศิลปินหญิงและช่างภาพชาวเยอรมันเชื้อสำยสวิตเซอร์แลนด์ผู้สร้ำงชื่อให้กับตัวเองด้วยผลงำนที่ชื่อว่า Object (Le Déjeuner en fourrure) หรือ Breakfast in Fur ที่รู้จักในชุดถ้วยน้ำชากระเบื้องบุขนนก งานประติมำกรรมในปี 1936 ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นศิลปินระดับนานาชาติในเวลานั้น
การกลายพันธุ์ของเครื่องเรือนบนโต๊ะอาหารนี้ เป็นความอภิรมย์ปนสะอิดสะเอียนที่สามารถจับใจศิลปินคนสำคัญแห่งลัทธิเหนือจริง (Surrealism) อย่าง อ็องเดร เบรอตงผู้ได้รวม Object ไปไว้กับนิทรรศกำรผลงานศิลปะแบบเซอร์เรียลอื่น ๆ ที่แกลลอรีชาลส์แรตตัน ณ กรุงปารีสในปี 1936 ภายหลังต่อมาในปีเดียวกันนี้ Object ได้เดินทำงข้ำมน้ำข้ามทะเลไปจัดแสดงถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย ณ นครนิวยอร์คภายใต้หัวข้อ “ศิลปะอัศจรรย์ คติดาดา และความเหนือจริง” ร่วมกับ ศิลปินอีก 46 ชีวิตแห่งยุค ซึ่งถ้วยน้ำชาขนสัตว์ฟูฟ่องนี้ได้กลำยเป็นข่าวใหญ่พาดหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ แม้ว่าจะไม่ใช่ข่าวดีเท่าไรนัก
“ถ้วยชาขนดก เสิร์ฟพร้อมจานรองแก้วกับช้อน นี่เป็นไอเดียอันโง่เขลา ที่พวกบูชาลัทธิเหนือจริงเป็นตัวตั้งตัวตี” นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสียงวิจารณ์ แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของผลงานก็โด่งดังไปทั่วทุกหนแห่งจนแทบจะกลบตัวศิลปินมิดเสียเอง
โอเพนไฮม์ รู้สึกได้ว่า ผู้คนต่างจับจ้องไปที่วัตถุอันเดียวนี้มำกเกินไป จนบดบังผลงานประติมำกรรมอื่น ๆ ของเธอ เมื่อเสียความรู้สึกให้กับเหตุการณ์นี้อย่างรุนแรง ศิลปินสาวได้เดินทำงกลับบ้านเกิดเมืองนอนไปยังเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และใช้เวลาไปกว่ารอบทศวรรษห่างหายไปจากวงการ (รวมทั้งทำลายผลงานมากมายหลายชิ้นที่เธอสร้ำงในช่วงเวลำนั้นด้วย)แม้ว่าเธอ จะนำผลงานแนวเซอร์เรียลออกแสดงบ้างแบบขาดๆ หายๆ แต่โอเพนไฮม์กลับไม่ยอมปรากฎตัวแก่สาธารณชนอย่ำงเป็นจริงเป็นจัง จนกระทั่งล่วงเลยถึงปี 1967 ที่เธอได้กลับไปเยือนเมืองหลวงสตอกโฮล์มเป็นครั้งแรกในรอบหลำยปี และตั้งเป้าหมายที่จะนำเส้นทางอำชีพของเธอกลับคืนมาอีกครั้ง (โดยพลิกวิกฤติอย่างชาญฉลาด เธอได้ผลิตผลงานศิลปะผ้าชุด “souvenirs” ในช่วงยุค 70 โดยได้อิทธิพลจากชื่อเสียงอันล้นหลามของ Object)
ปัจจุบัน Object ถือเป็นหนึ่งในประติมากรรม Surrealist ที่ทรงคุณค่ำของโลก ตามที่นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ แมรี แอน คอวส์ได้กล่าวไว้ว่า “มันเป็นความยอดเยี่ยมทางวัตถุนิยมที่ให้ความรู้สึกสะท้อนใจและนำเสนอได้เป็นอย่ำงดี โดยตีความได้หลากหลายมิติอย่ำงลึกซึ้งทั้งทางจิตวิทยาและด้วยผิวสัมผัส” แม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วแล้ว