ทาวน์โฮม และ บ้านแฝด Grande Pleno Suksawat – Rama 3 โครงการตั้งอยู่ในซอยมิตรไมตรี 17 ที่สามารถเข้าจากทางซอยประชาอุทิศ 60 และ 54 ได้ สภาพแวดล้อมของถนนประชาอุทิศนั้นจะมีความเป็นชุมชนค่อนข้างสูง คนอาศัยอยู่เยอะ เรียกว่าความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว พวกอาหารการกินนั้นหาง่ายมากๆ เพราะมี Tesco Lotus Market, Max Valu, ตลาดอีก 2 ตลาด และอยู่ใกล้ ม.พระจอมเกล้าธนบุรี ที่เป็นแหล่งของกินของใช้ของเหล่านักศึกษา อีกทั้งยังมีที่ดินเปล่าเหลือพอให้พัฒนา และด้วยจุดเด่นของทำเลที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนเส้นสำคัญๆ และทางด่วนได้อีกหลายสาย ทางลัดเลาะก็มีให้เลือกใช้ได้เยอะ
รวมทั้งการมาถึงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงสู่พื้นที่กรุงเทพชั้นใน และโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายในอนาคตมายังย่านบางปู ทำเลนี้จึงถือเป็นทำเลชานเมืองที่สามารถเดินทางเข้า – ออกเมืองได้สะดวกรวดเร็ว เรียกว่าเหมาะกับคนทำงานในเมืองย่าน พระราม 3, ยานนาวา, คลองเตย, สาทร หรือพระประแดง ราคาที่ดินก็นับว่าค่อนข้างสูงแล้วเพราะเป็นทำเลคุณภาพแต่ว่าหยิบจับง่ายกว่าโซนในเมืองมากๆ หลายเท่าตัว
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกมากๆ เนื่องจากตัวโครงการจะเชื่อมอยู่กับถนนหลักคือ ถนนประชาอุทิศ เป็นถนนเส้นที่เริ่มต้นจากจุดตัดถนนสุขสวัสดิ์ที่แยกประชาอุทิศ ตัดกับถนนพุทธบูชาที่แยกนาหลวง และสิ้นสุดที่ถนนคลองสรรพสามิตร ซึ่งจากถนนเส้นนี้จะสามารถใช้ซอยลัดต่างๆ ของถนนประชาอุทิศฝั่งเลขคี่ได้ ทั้งซอยประชาอุทิศ 69 และซอยประชาอุทิศ 70 สามารถวิ่งไปออกที่ ถนนสุขสวัสดิ์ เพื่อไปขึ้นทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร ทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก และวงแหวนอุตสาหกรรมได้ ไปโซน พระราม 3, ยานนาวา, คลองเตย, สาทร, สมุทรปราการ, บางนา – สุวรรณภูมิ หรือแจ้งวัฒนะก็ได้หมด
การเดินทางโดยรถสาธารณะ ซอยประชาอุทิศ 54 นั้นเป็นซอยหลักและมีชุมชนขนาดใหญ่ จึงมีรถสาธารณะวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ รถกะป้อ รถแท็กซี่ อีกทั้งตรงหน้าปากซอยมิตรไมตรี 17 ก็ยังมีคิววินมอเตอร์ไซค์อยู่อีกคิวด้วย สามารถเรียกใช้บริการได้สะดวกเลยค่ะ และถ้าออกมาที่ถนนประชาอุทิศก็จะมีรถเมล์สาย 21 วิ่งผ่านด้วย
ส่วนรถไฟฟ้าในอนาคตจะมี รถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน – ราษฏร์บูรณะ) โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดก็คือ สถานีพระประแดง ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 6 กม. คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2567 เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการเดินทางเข้าเมืองค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการนี้ทำทาวน์โฮมและบ้านแฝดออกมาในแนว Modern Colonial ที่ถอดเอกลักษณ์และกลิ่นอายของความเป็น Colonial ออกมาให้ดูทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงความ Classic และหรูหรามีจำนวนทั้งหมดเพียง 303 ยูนิต บนพื้นที่ 37 ไร่ เป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะมาก จึงทำให้ไม่แออัด การจัดบรรยากาศของโครงการทำออกมาได้ดีน่าอยู่อาศัย และวางผังของโครงการได้ดี
โครงการมีแบบบ้านด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกคือแบบบ้าน Prime เป็นพรีเมี่ยมทาวน์โฮมสูง 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. ฟังก์ชั่นขนาด 3 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, ห้องอเนกประสงค์ และ ที่จอดรถ ใช้สีเทาอ่อน – เข้มเป็นสีพื้น และระแนงเหล็กสีดำ ทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น พื้นที่ภายในบ้านออกแบบให้โปร่ง เรียบง่าย ฟังก์ชั่นสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจผู้อยู่อาศัย แถมยังมีห้องอเนกประสงค์มาให้ ซึ่งถ้าใครไม่ชอบการต่อเติมครัวนอกบ้านให้ยุ่งยาก ก็สามารถใช้ห้องอเนกประสงค์เป็นครัวไทยได้เลยนะ หรือจะทำเป็นห้องทำงาน – ห้องนอนผู้สูงอายุก็ทำได้อย่างลงตัวเพราะพื้นที่ห้องค่อนข้างกว้างทีเดียว ส่วนบนชั้น 2 ห้องนอนใหญ่มีขนาดที่ดีมากๆ ทำให้สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัว แต่จะมี Traffic การใช้ห้องน้ำในช่วง Rush Hour ได้นะคะเพราะมีห้องอาบน้ำอยู่ 2 ห้อง
แบบที่ 2 คือแบบบ้าน Royal เป็นบ้านแฝดสูง 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม. ฟังก์ชั่นขนาด 3 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ และ ที่จอดรถ 2 คัน มีการดีไซน์ให้เหมือนบ้านเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปลักษณ์ พื้นที่สวนรอบบ้าน และพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านก็ครบครันไม่แพ้บ้านเดี่ยวเลย มีการดีไซน์แปลนบ้านได้ลงตัวมากๆ โดยจุดที่ชอบมากๆ ก็คือการเซ็ทโถงบันไดเข้าไปเป็นจุดซ่อนฟังก์ชั่นครัวไทย, ห้องน้ำ และบันได ซึ่งเป็นส่วนที่ควรจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหาร แถมจากห้องครัวจะมีช่องสำหรับส่งอาหารออกมาให้ที่ห้องรับประทานอาหารเป็นจุดที่ทำให้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังเลือกจุดเชื่อมต่อสวนทางฝั่งหลังบ้านแทนฝั่งข้างบ้าน ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเราได้พื้นที่พักผ่อนแบบ Outdoor ที่เป็นส่วนตัวมากกว่าจริงๆ ส่วนชั้น 2 ก็ทำออกมาได้ลงตัวค่ะ ห้องนอนใหญ่มีพื้นที่กว้างขวางกำลังดีโดยมีอภิสิทธิ์ที่มีประตูทางเชื่อมห้องน้ำชั้นบนโดยตรง ห้องนอนเล็กก็สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัวค่ะ แต่จะมี Traffic การใช้ห้องน้ำในช่วง Rush Hour เช่นกัน