วิธีดูแลอุปกรณ์ภายในบ้านช่วยให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ป้องกันการซ่อมแซม

การดูแลรักษาอุปกรณ์ภายในบ้านและการบำรุงรักษาบ้านอย่างถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความทนทาน ความสะดวกสบายและความปลอดภัยในระยะยาว การดูแลและทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์และระบบต่างๆ เป็นประจำจะช่วยให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและป้องกันการซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง

การดูแลรักษาอุปกรณ์ในบ้านและการดูแลบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บ้านของคุณน่าอยู่และอุปกรณ์ต่างๆ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับและแนวทางในการดูแลรักษาอุปกรณ์ในบ้านและการดูแลบ้านโดยรวมต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการในการดูแลอุปกรณ์และบริเวณต่างๆ รอบๆ บ้าน:

1. การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า
ตู้เย็น : ทำความสะอาดคอยล์และคอนเดนเซอร์อย่างน้อยปีละสองครั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปิดผนึกประตูให้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ลมเย็นรั่วไหล ละลายน้ำแข็งเป็นประจำหากจำเป็น
เครื่องซักผ้า : เปิดรอบการทำความสะอาดเดือนละครั้งเพื่อขจัดคราบผงซักฟอกและแบคทีเรีย ทำความสะอาดช่องดักสำลีและตรวจสอบท่อว่ามีรอยรั่วหรือสึกหรอหรือไม่
เตาอบและเตา : เช็ดเตาอบหลังการใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวหกเลอะเทอะ หากต้องการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ให้ใช้โปรแกรมทำความสะอาดอัตโนมัติหรือน้ำยาทำความสะอาดเตาอบ ทำความสะอาดเตาและเตาหลังการใช้งานทุกครั้ง
เครื่องล้างจาน : ทำความสะอาดตัวกรองเป็นประจำและตรวจสอบแขนฉีดพ่นว่ามีสิ่งอุดตันหรือไม่ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องล้างจานทุกๆ สองสามเดือนเพื่อขจัดเศษอาหารและกลิ่น

2. ระบบปรับอากาศ
การบำรุงรักษาระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และเครื่องปรับอากาศเป็นประจำถือเป็นสิ่งสำคัญต่อประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศทุกๆ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และนัดหมายบริการจากผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำทุกปีเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบ

3. การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์
เฟอร์นิเจอร์ไม้ : ปัดฝุ่นเป็นประจำด้วยผ้าเนื้อนุ่มเพื่อป้องกันคราบสกปรกสะสม ทาครีมขัดเงาเฟอร์นิเจอร์เพื่อรักษาความเงางามและปกป้องไม้จากความเสียหาย หลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ไว้กลางแดดหรือใกล้แหล่งความร้อนเพื่อป้องกันการแตกร้าว
เฟอร์นิเจอร์หนัง : ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์หนังด้วยผ้าชุบน้ำและใช้ครีมบำรุงรักษาหนังทุกๆ 6-12 เดือน เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์หนังอ่อนนุ่มและป้องกันการแห้งหรือแตกร้าว

4. การดูแลพื้น
พื้นไม้เนื้อแข็ง : กวาดหรือดูดฝุ่นเป็นประจำเพื่อขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรก ใช้ผ้าชื้นในการทำความสะอาด และหลีกเลี่ยงน้ำที่มากเกินไปซึ่งอาจทำให้ไม้เสียหายได้ ทาน้ำยาขัดไม้หรือแว็กซ์เพื่อการปกป้องเพิ่มเติม
พรม : ควรดูดฝุ่นพรมเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณที่มีคนเดินผ่านบ่อย ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพรมทุกๆ 6-12 เดือน เพื่อขจัดคราบและสิ่งสกปรกที่ฝังแน่น
5. ระบบประปา
ตรวจสอบท่อว่ามีรอยรั่วหรือร่องรอยการสึกหรอหรือไม่ โดยเฉพาะใต้ซิงค์ล้างจานและรอบๆ โถส้วม ทำความสะอาดท่อระบายน้ำเป็นประจำด้วยน้ำยาทำความสะอาดท่อระบายน้ำหรือส่วนผสมของเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเพื่อป้องกันการอุดตัน ระมัดระวังสิ่งที่คุณเทลงในท่อระบายน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตัน

6. โคมไฟ
ปัดฝุ่นโคมไฟและหลอดไฟเป็นประจำเพื่อรักษาแสงสว่างให้เหมาะสม เปลี่ยนหลอดไฟที่ขาด และตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายไฟปลอดภัยและทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากไฟฟ้า

7. การบำรุงรักษาหน้าต่างและประตู
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าต่างและประตูปิดสนิท เนื่องจากการวางตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดลมโกรกและสูญเสียพลังงาน ทำความสะอาดหน้าต่างเป็นประจำด้วยน้ำยาทำความสะอาดกระจก และตรวจสอบซีลประตูเพื่อป้องกันการรั่วไหลของอากาศ หล่อลื่นบานพับและตัวล็อคประตูเพื่อให้ทำงานได้อย่างราบรื่น

8. อุปกรณ์กลางแจ้งและการดูแลสนามหญ้า
เครื่องตัดหญ้า : ทำความสะอาดและบำรุงรักษาเครื่องตัดหญ้าของคุณเป็นประจำ ตรวจสอบการสึกหรอของใบมีดและเปลี่ยนใบมีดเมื่อจำเป็น รักษาเครื่องยนต์และไส้กรองอากาศให้สะอาดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
เครื่องมือทำสวน : ทำความสะอาดและลับเครื่องมือทำสวนทุกครั้งหลังใช้งาน เก็บไว้ในที่แห้งเพื่อป้องกันสนิมและยืดอายุการใช้งาน
ลานและระเบียง : ล้างลานและระเบียงด้วยแรงดันเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและคราบสกปรก เคลือบระเบียงไม้ใหม่ทุกปีเพื่อปกป้องระเบียงจากสภาพอากาศและการเสื่อมสภาพ

9. อุปกรณ์ไฟฟ้า
ทดสอบเครื่องตรวจจับควันและเครื่องตรวจจับคาร์บอนมอนอกไซด์ทุกเดือนเพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานได้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ปีละสองครั้งหรือตามความจำเป็น ตรวจสอบสายไฟและเต้ารับไฟฟ้าทั้งหมดว่ามีร่องรอยการสึกหรอหรือไม่ และหลีกเลี่ยงการใช้ไฟเกินในวงจร

บ้านและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับการดูแลอย่างดีไม่เพียงแต่สร้างสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังป้องกันการซ่อมแซมและเปลี่ยนใหม่ราคาแพงได้อีกด้วย การทำความสะอาดและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของสิ่งของภายในบ้าน ช่วยประหยัดเวลาและเงินในระยะยาว