เมื่อฤดูฝนใกล้เข้ามา สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมบ้านให้พร้อมรับมือกับความชื้นที่เพิ่มขึ้น ฝนตกหนัก และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำ การดูแลรักษาผนังและการดูแลบ้านโดยรวมอย่างเหมาะสมสามารถป้องกันการซ่อมแซมราคาแพงและทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของคุณปลอดภัยและสะดวกสบาย ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์บางประการที่จะช่วยให้บ้านของคุณพร้อมรับมือฝน
ไม่ว่าจะเป็นหน้าฝนหรือฤดูไหนๆ การดูแลรักษาบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความสวยงามของบ้านให้อยู่คู่กับเราไปนานๆ โดยเฉพาะ ผนังบ้าน ที่เป็นส่วนสำคัญที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศโดยตรง หากละเลยอาจเกิดปัญหาตามมาได้ง่ายๆ
การดูแลรักษาบ้านโดยรวมเพื่อพร้อมรับหน้าฝน
นอกจากการดูแลผนังแล้ว การดูแลส่วนอื่นๆ ของบ้านก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้บ้านพร้อมรับมือกับพายุฝนและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
ตรวจสอบหลังคาและรางน้ำฝน: ตรวจสอบกระเบื้องหลังคาว่ามีรอยแตกหรือหลุดร่อนหรือไม่ ทำความสะอาด รางน้ำฝนและท่อระบายน้ำ ไม่ให้มีสิ่งอุดตัน เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ เพื่อให้น้ำฝนไหลลงได้สะดวก ป้องกันน้ำขังและรั่วซึม
ทำความสะอาดท่อระบายน้ำรอบบ้าน: ตรวจสอบและทำความสะอาด ท่อระบายน้ำรอบบ้าน รวมถึงบริเวณลานบ้านและทางเดิน เพื่อให้น้ำฝนระบายได้ดี ไม่ท่วมขัง และป้องกันการสะสมของแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
ตรวจสอบประตูและหน้าต่าง: ตรวจสอบขอบยางหรือซิลิโคนตามวงกบประตูและหน้าต่างว่ายังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ หากเสื่อมสภาพควรรีบเปลี่ยนหรือยาแนวใหม่ เพื่อป้องกันน้ำฝนซึมเข้ามาภายในบ้าน
ดูแลระบบไฟฟ้า: ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟภายนอกอาคารว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยฉีกขาดหรือชำรุด หากพบควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
ย้ายเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายนอก: หากมีเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ที่วางอยู่นอกบ้าน ควรย้ายไปเก็บในที่ร่มหรือคลุมผ้าใบให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำฝนและความชื้น
1. ตรวจสอบและซ่อมแซมผนัง
ผนังเป็นแนวป้องกันด่านแรกของบ้านคุณจากสภาพอากาศ นี่คือวิธีดูแลรักษา:
ตรวจสอบรอยแตกร้าวหรือรอยรั่ว:มองหารอยแตกร้าวที่มองเห็นได้ทั้งบนผนังภายในและภายนอก รอยแตกร้าวเล็กๆ ก็สามารถปล่อยให้ความชื้นซึมเข้ามาได้ ทำให้เกิดเชื้อราและโครงสร้างเสียหาย
ซีลและกันน้ำ:ใช้สารซีลหรือสีกันซึมคุณภาพสูงเพื่อปกป้องผนังจากน้ำฝน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผนังภายนอกและบริเวณที่โดนน้ำฝนโดยตรง
ทาสีใหม่ตามต้องการ:การทาสีใหม่ไม่เพียงแต่จะทำให้บ้านของคุณดูสดชื่นขึ้นเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการปกป้องอีกชั้นหนึ่งอีกด้วย
2. ทำความสะอาดรางน้ำและท่อระบายน้ำ
รางน้ำที่อุดตันอาจทำให้มีน้ำล้นออกมาและสร้างความเสียหายให้กับผนัง หลังคา และฐานราก ดังนั้นควรปฏิบัติตามดังนี้:
กำจัดใบไม้ เศษซาก และสิ่งสกปรกออกจากรางน้ำ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อระบายน้ำจะส่งน้ำออกไปจากตัวบ้าน
ติดตั้งตัวป้องกันรางน้ำเพื่อลดการอุดตัน
3. ตรวจสอบหลังคาและฝ้าเพดาน
หลังคารั่วอาจทำให้ผนังชื้นและเพดานเสียหาย:
ตรวจหาแผ่นกระเบื้องที่หายไปหรือเสียหาย
ปิดรอยรั่วทันทีเพื่อป้องกันการซึมของน้ำ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผ่นปิดหลังคาบริเวณปล่องไฟหรือช่องระบายอากาศยังคงสภาพดี
4. ระบายอากาศและลดความชื้น
การควบคุมความชื้นเป็นสิ่งสำคัญในช่วงฤดูฝน:
ใช้พัดลมดูดอากาศในห้องครัวและห้องน้ำ
เปิดหน้าต่างไว้เสมอเมื่อทำได้เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์หมุนเวียน
ควรใช้เครื่องลดความชื้นในห้องที่มีแนวโน้มเกิดความชื้น
5. ตรวจสอบประตูและหน้าต่าง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าช่องเปิดทั้งหมดถูกปิดสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนเข้ามา:
ติดแถบกันลมหรือยาแนวรอบ ๆ หน้าต่างและประตู
เปลี่ยนยาแนวหน้าต่างที่ชำรุดหรือสึกหรอ
ติดตั้งแผ่นกันฝนหากจำเป็น
6. ปกป้องผนังและเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง
ใช้วัสดุบุผนังหรือสีทาภายนอกแบบกันน้ำบนพื้นผิวภายนอกที่เปิดโล่ง
ย้ายเฟอร์นิเจอร์ไม้หรือหุ้มผ้าเข้ามาในบ้านหรือคลุมด้วยผ้าใบกันน้ำ
7. ตรวจสอบรากฐานเป็นประจำ
น้ำที่ขังอยู่รอบฐานบ้านของคุณอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างได้:
ตรวจสอบดูว่ามีสัญญาณการกัดเซาะของดินหรือมีน้ำขังหรือไม่
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นดินรอบบ้านของคุณลาดเอียงออกจากฐานราก
พิจารณาติดตั้งระบบระบายน้ำหากจำเป็น
การสละเวลาเตรียมบ้านของคุณให้พร้อมสำหรับฤดูฝนถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า การตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำ โดยเฉพาะผนัง หลังคา และระบบระบายน้ำ สามารถช่วยป้องกันความเสียหายและทำให้บ้านของคุณแห้งและปลอดภัยได้ หากปฏิบัติตามขั้นตอนปฏิบัติเหล่านี้ คุณจะไม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับฤดูฝนและรู้ว่าบ้านของคุณได้รับการปกป้องอย่างดี การดูแลรักษาบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรับมือกับหน้าฝน จะช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัย สวยงาม และน่าอยู่ไปอีกนาน