เสนาพาร์ค วิลล์ รามอินทรา – วงแหวน Sena Park Ville Ramindra – Wongwaen เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนเลียบกาญจนาภิเษก ช่วงถนนรามอินทราตอนปลาย ตัวทำเลมีความเศษความพิเศษคือ สามารถเข้าออกได้ 2 ทางคือจากถนนเลียบกาญจนาภิเษกและถนนรามอินทราโดยวิ่งผ่าน Sena Park Avenue ที่เป็นที่ดินของเสนาซึ่งตอนนี้เป็นสวนขนาดใหญ่กว่า 10 ไร่ สภาพแวดล้อมโดยรวมรอบๆโครงการเป็นโครงการบ้านเดียวข้างเคียงและที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนา
ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินถึงถือว่าแห้งแล้ง แต่ความอุดมสมบูรณ์โดยรวมค่อนข้างคึกคักมีตลาดและ Hyper Market ให้เลือกหลายจุดแต่ต้องขับรถออกมานะ นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าใหญ่อย่าง Fashion Island และ Community Mall อย่าง The Promanade
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างสะดวกโดยใช้ถนนรามอินทราเป็นเส้นหลัก เพื่อเข้าไปใน Sena Park Avenue และเชื่อมกับถนนเลียบกาญจนา ซึ่งตัวถนนรามอินทราเอง เป็นถนนเส้นที่มีถนนเส้นอื่นๆมาเชื่อมอยู่ด้วยกันหลายสายอย่างถนนนวมินทร์, ถนนเกษตรนวมินทร์, ถนนเสรีไทย หรือถนนที่มาจากฝั่งนอกเมืองก็สามารถมาได้ทั้งจากถนนหทัยราษฏร์, ถนนพระยาสุเรนทร์, ถนนคู้บอน และถนนพหลโยธิน นอกจากนั้นโครงการยังอยู่ใกล้กับทางด่วนวงแหวนรอบนอกและทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์ ซึ่งสะดวกสำหรับขาเข้าเมือง ส่วนขาออกนอกเมืองก็สามารถออกจากโครงการแล้วใช้เส้นเลียบกาญจนาตรงขึ้นไปได้ถึงบางปะอิน อยุธยาเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ ถือว่าลำบากเลยค่ะ เนื่องระยะทางจากหน้าโครงการเข้ามาถึงโครงการค่อนข้างไกล ประมาณ 1.10 กิโลเมตร ซึ่งเกินระยะเดินสบายไปไกลแล้วค่ะ เมื่อออกมาหน้าโครงการได้แล้วเนื่องจากว่าตัวโครงการอยู่บนเส้นเลียบทางด่วนจึงไม่ค่อยมีรถโดยสารสาธารณะผ่าน จะมีก็รถสองแถวจาก Fashion Island – ตลาดออเงิน นอกจากนั้นก็คงต้องพึ่งรถแท็กซี่และพี่วินที่นานๆจะผ่านมาหน้าโครงการ
ส่วนในอนาคตเมื่อมีรถไฟฟ้าเข้ามาถึง ทางโครงการจะมี Shuttle Bus คอยรับส่งที่ Park Avenue เพื่อที่จะไปต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตลิ่งชัน – มีนบุรี) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่ – บางซื่อ) ที่จะช่วยให้การเดินทางในละแวกนี้สะดวกและประมาณเวลาในการเดินทางได้ดีขึ้น ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นสถานีรามอินทรา 83 และสถานีวงแหวนตะวันออก แต่เนื่องจากตัวโครงการไม่ได้อยู่เกาะแนวเส้นรถไฟฟ้าจึงต้องพึ่งรถโดยสารเพื่อไปถึงตัวสถานีก่อนค่ะ
แบบบ้าน การออกแบบมาในสไตล์ Eco Modern มีจุดเด่นตรงการออกแบบที่เน้นให้บ้านเย็น และประหยัดการใช้พลังงานของตัวบ้าน ทั้งระบบระบายความร้อนบนหลังคา และการใช้ Shading ของ Facade เพื่อกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน นอกจากนั้นยังให้ช่องแสงมาค่อนข้างเยอะรับแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวบ้านได้มากทำให้บ้านมีความโปร่งมากขึ้น ส่วนการฟังก์ชั่นการใช้งานก็ครบถ้วน มีครัวไทยแยกมาให้เป็นสัดเป็นส่วน พื้นที่ใช้สอยโดยรวมจัดมาให้ใช้ได้อย่างลงตัวไม่รู้สึกติดขัดอะไร ในห้องนอนแต่ละห้องจัดพื้นที่มาให้เหลือๆ สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นๆได้ครบและยังมีพื้นที่เหลือ
วัสดุ ที่จอดรถหน้าบ้าน Origin เป็นพื้นคอนกรีตสแตมป์ ส่วนบ้านแบบ Ozone เป็นพื้นคอนกรีตปาดเรียบ เฉลียงหน้าบ้านลานซักล้างเป็นซีเมนต์ปาดเรียบ พื้นภายในบ้านชั้นล่าง รวม Pantry และ ห้องครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม. ชั้น 2 ได้เป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. บานประตูภายในบ้านเป็นบานประตูสำเร็จรูป HDF, บานประตูห้องน้ำและประตูซักล้างเป็น UPVC สีขาว ชนิดกันน้ำ ส่วนประตูและหน้าต่างบานเลื่อนและบานกระทุ้งทั้งหมดเป็นบานกรอบ UPVC สีขาว กระจกเขียวตัดแสง สวิทช์ไฟทั้งหลังของ Bticino ไฟทั้งบ้านผสมระหว่างดาวน์ไลท์และโคมซาลาเปาทั้งหลัง โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าของ Cotto, ก๊อกอ่างล้างหน้า ฝักบัวและก๊อกใต้ฝักบัว Cotto, ที่ใส่กระดาษชำระ ที่วางสบู่และราวแขวนผ้าของ Cotto
สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัยมีป้อมรักษาความปลอดภัย 2 คือจุดป้อมหลักใหญ่ของเสนาใช้ไม้กระดกมีรปภ. 24 ชม. จุดที่สองคือซุ้มทางเข้าของโครงการใช้ Key Access Card ระยะใกล้ ส่วน Visitor จะใช้การแลกบัตรเข้าออก รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร และรั้วของบ้านและละหลังสูง 1.60 เมตร ถนนหลักกว้าง 12 เมตรและถนนรองในโครงการกว้าง 10 เมตร และ 9 เมตร ถนนกว้างขับได้สบายๆ สำหรับส่วนกลางมีสวนสาธารณะที่จัดมาอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบขนาดประมาณ 1 ไร่ พร้อม Bike Lane สำหรับปั่นจักรยานสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 16 x 6 เมตร