แต่งบ้านสไตล์มินิมอลคืออะไร? ‘Minimal Style’ การตกแต่งบ้านที่กําลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ คือสไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น หากแต่มากด้วยประโยชน์ รวมไปถึงการเลือกใช้งานสิ่งต่างๆ ตามความจําเป็นเท่านั้น ซึ่งจะถูกจัดวางอย่างมีระเบียบเรียบร้อย เอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอลนั้นมักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรงและชาร์ป
มีความสมดุลและความผ่อน คลาย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน ท่ามกลางความไม่มากไม่น้อยจนเกินพอดี การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลยังนิยมที่จะจัดพื้นที่สเปสให้มีความว่างและดูกว้างเข้าไว้ โดยไม่นิยมการสะสมสิ่งของหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จําเป็น การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจึงดูเรียบง่าย น้อยชิ้น แต่ทว่าครบถ้วนในเรื่องของประโยชน์การใช้สอย การตกแต่งบ้านสไตล์นี้จึงเหมาะมากๆ สําหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่รักความสงบและชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความสะอาด ปลอดโปร่ง โล่งสบายเป็นอย่างยิ่ง เราไปดูกันดีกว่าว่าข้อดีของการมีบ้านสไตล์มินิมอลและวิธีการตกแต่งบ้านของคุณให้เป็นสไตล์นี้ จะมีอะไรและต้องทําอย่างไรบ้าง
ข้อดีของการมีบ้านสไตล์มินิมอลิส
ความเครียดน้อยลง
ยิ่งมีของมาก ก็ยิ่งมีภาระวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาต้องย้ายที่พัก ที่กว่าจะเก็บและย้ายข้าวของแต่ละทีต้องใช้เวลา แถมถ้าใครไม่มีรถส่วนตัว ก็อาจจะต้องคอยทะยอยย้ายของจากที่พักเก่า ไปยังที่ใหม่หลายรอบกว่าจะครบ ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด แต่ถ้าคุณมีของน้อยชิ้นที่เป็นของที่มีประโยชน์ต่อการใช้สอยจริงๆ นอกจากจะไม่ทำให้บ้านรกไปด้วยของใช้ที่ไม่จำเป็นแล้ว ยังทำให้บ้านของคุณดูเรียบง่าย เห็นแล้วรู้สึกสบายตา สบายใจได้อีกด้วยนะ
ทำให้บ้านดูน่าดึงดูดมากขึ้น
ลองนึกถึงภาพถ่ายของบ้านที่เต็มไปด้วยของใช้มากมาย กับภาพของบ้านสไตล์มินิมอลที่ดูเผินๆ แล้วดูเรียบไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วแฝงไว้ด้วยความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์เรียบหรู งานศิลปะดีๆ สักชิ้น และของตกแต่งบ้านน้อยชิ้น แต่ว่าแต่ละอันช่างดูเก๋ไก๋เหลือเกิน ซึ่งบ้านสไตล์มินิมอลแบบนี้ต่างหาก ที่เห็นเมื่อไหร่แล้วต้องทำให้เราหยุดดู ดึงความสนใจได้ดีนักเชียว ซึ่งถ้าคุณอยากให้บ้านของคุณดูน่าดึงดูดมากขึ้น ก็สามารถลองแต่งบ้านให้เป็นสไตล์มินิมอลดูได้
ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า
แค่คิดว่าจะต้องทำความสะอาดบ้านที่เต็มไปด้วยของตกแต่ง ของใช้มากมาย ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ เวลาจะปัดกวาด เช็ดถู หรือดูดฝุ่นที ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงทีเดียว แถมยิ่งของเยอะเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยขึ้นเท่านั้น ซึ่งสามารถนำไปสู่ข้อแรกคือ ทำให้เครียดและหงุดหงิด (เพราะใครจะอยากมานั่งทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ?) แต่ลองนึกภาพถ้าบ้านของคุณมีของน้อยชิ้นดูสิ ทำความสะอาดแป๊ปเดียวก็เสร็จ แถมยังมีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้นอีกต่างหาก
เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
หลักง่ายๆ สำหรับการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล อย่างแรกเลยคือเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ บ้านหรือห้องสไตล์มินิมอลจะเน้นการตกแต่งเท่าที่จำเป็น แต่ดูดีมีสไตล์ ตามปรัชญาแนวคิด ‘Less is More’ หรือน้อยแต่มากด้วยประโยชน์ เพราะฉะนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ก็จะเป็นแต่ของที่ essential หรือสำคัญต่อการใช้ชีวิตจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ในห้องรับแขกก็อาจจะมีแค่โซฟายาวสักหนึ่งตัว เก้าอี้ หรือโซฟา love seat โต๊ะกาแฟ ชั้นวางของแบบมินิมอลิสต์ (ที่ไม่ได้เป็นแบบมีชั้นอะไรเยอะแยะ) ทีวีหนึ่งเครื่อง แล้วก็อาจจะมีโป๊ะไฟสัก 1-2 อัน ส่วนห้องนอนก็จะเน้นไปที่เตียงแบบเรียบๆ โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะวางของข้างหัวเตียงและชั้นหนังสือ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นประโยชน์การใช้สอยที่สอดคล้องและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ที่พักอาศัยเป็นสำคัญ
พื้นผิวที่วางของดูสะอาด เรียบร้อย
อย่างที่บอกว่าบ้านสไตล์มินิมอลจะมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เพราะฉะนั้นตามชั้นวางของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ หรือ shelf ต่างๆก็จะมีการวางของที่น้อย อย่างมากก็แค่ 1-2 อย่างเท่านั้น ของกระจุกกระจิกนี่แทบไม่มีให้เห็น ส่วนถ้าเป็นพวกหนังสือ หรือนิตยสาร ก็จะมีการจัดวางอย่างมีระเบียบ เรียบร้อย ทุกอย่างเน้นความสบายตาเป็นหลัก
ของน้อยจริง แต่ไม่ทิ้งความมีสไตล์
บ้านที่มีของน้อยในสเปสที่โล่งๆ อาจดูน่าเบื่อได้เหมือนกัน ดังนั้นแทนที่คุณจะมีโต๊ะกาแฟที่ปราศจากสิ่งของใดๆ คุณก็อาจจะตกแต่งมันด้วยแจกันดอกไม้เก๋ๆ สักชิ้นหรือนิตยสารไลฟ์สไตล์หน้าปกสวยๆ สัก 1-2 เล่ม ส่วนโต๊ะทำงาน ก็อาจจะวางกรอบรูปถ่ายของครอบครัว แล้วถ้ากลัวว่าผนังห้องจะดูโล่งจนเกินไป ลองหางานศิลปะชิ้นใหญ่เจ๋งๆ สักชิ้นมาติด ก็สามารถสร้างบรรยากาศห้องให้ดูน่าอยู่ และมีความ homey มากขึ้น
คุณภาพ สำคัญกว่าปริมาณ
การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ต้องมีระบบการจัดเก็บของที่ดี เพื่อความสะอาดและความเป็นระเบียบ เพราะฉะนั้นการออกแบบห้อง มักจะออกแบบให้ถูกซ่อนอย่างกลมกลืนไปกับอาคารหรือเครื่องเรือน อย่างเช่นการออกแบบผนัง พื้นที่ใต้บันได หรือมุมต่างๆ ให้สามารถซ่อนตู้ หรือลิ้นชักเก็บของได้ โดยออกแบบหน้าบานต่างๆ ให้กลมกลืนไปกับผนังห้องเป็นต้น