กลิ่น มีความสัมพันธ์ กับอารมณ์ของมนุษย์ และวิถีการดำเนินชีวิต เป็นวิธีบำบัดความเครียด ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง เรียกว่าสุคนธบำบัด (Aromatherapy) สามารถช่วยลดความดันโลหิต บรรเทาความเจ็บปวด และทำให้จิตใจสงบ ในขณะเดียวกัน สำหรับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ภายในบ้าน
ซึ่งผู้อยู่อาศัย ต้องสูดรับเข้าสู่ร่างกายทุกวันจนนานเข้า กลายเป็นความเคยชิน อาจทำให้เราไม่ทันสังเกตว่ากลิ่นเหล่านี้สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราทั้งทางกายและจิตใจ รวมถึงทำลายบรรยากาศความสุขรอบบ้าน
การดูแลรักษา กลิ่นภายในบ้าน ให้สะอาด
ดังนั้น เราจึงควรหาทางกำจัด ต้นตอของกลิ่นให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้เป็นสิ่งที่รบกวน ผู้อยู่อาศัย หรือแขกที่มาเยี่ยมเยียน วิธีดูแลบ้านให้เป็นสถานที่สะอาด ปลอดกลิ่นรบกวน มีด้วยกันสารพัดวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้
ถังขยะ กลิ่นจากถังขยะ ในบ้านมีความร้ายแรง ชนิดที่คาดไม่ถึง เมื่อเศษอาหาร และสิ่งสกปรกก่อตัวสะสม และกระจายผ่านทั่วบริเวณบ้าน แม้จะเทขยะแล้ว กลิ่นเหม็นติดค้างก็ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ โดยการการนำกระดาษหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นรองไว้ ที่บริเวณก้นถังทิ้ง หรือปอกเปลือกผลไม้ เช่น เปลือกส้มโอหรือมะนาวนำไปวางไว้ในถังขยะ ซึ่งกรดในผลไม้มีฤทธิ์ในการฆ่าแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดกลิ่นบางชนิดได้ อีกวิธีหนึ่ง คือ การเทเบกกิ้งโซดา และตามด้วยน้ำส้มสายชู หนึ่งถ้วยลงในถังขยะ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้เพื่อดับกลิ่น การคัดแยกประเภทขยะ ก็เป็นผลดีต่อเรื่องกลิ่น เช่นกัน โดยการทิ้งขยะเปียกอันเป็นแหล่งสะสมของกลิ่นทุกวัน แยกจากขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป และขยะมีพิษ
ห้องครัว ห้องครัว ควรติดตั้งเครื่องดูดควัน หรือ พัดลมระบายอากาศ เพื่อป้องกันกลิ่นอาหาร ลอยคละคลุ้งไปทั่วบ้าน และไอความร้อน ที่กลายเป็นคราบมัน เกาะติดตามผนัง ส่วนปัญหากลิ่นจากอาหาร สารพัดประเภทในตู้เย็น เริ่มด้วยการคัดแยก ประเภทอาหารก่อนถอดปลั๊กตู้เย็น เพื่อป้องกันไฟดูด และละลายน้ำแข็ง ทำความสะอาดชั้นวางอาหาร ด้วยน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดา จากนั้นเช็ดตามด้วยน้ำส้มสายชู เพื่อกำจัดเชื้อราที่เกาะติด นำอาหารใส่ภาชนะปิดให้มิดชิด ก่อนนำใส่กลับเข้าไป เพื่อถนอมอาหาร และป้องกันกลิ่นฟุ้งกระจาย
ห้องน้ำ ห้องน้ำ อาจเป็นสถานที่รวมแหล่งเชื้อโรค มากที่สุดในบ้าน ถ้าไม่ดูแลอย่างเหมาะสม วิธีขจัดกลิ่นในห้องน้ำ มีด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่ การเปิดพัดลมระบายอากาศ หรือ หน้าต่างให้มีช่องถ่ายเทกลิ่น ที่ไม่พึงประสงค์ ให้เจือจางลง และ ทำความช่องระบายอากาศ อย่างน้อยสะอาดทุก 6 เดือน ทำความสะอาดห้องน้ำ และโถส้วมเป็นประจำ และกดชักโครก หลังใช้งานสม่ำเสมอ สเปรย์ปรับอากาศ สามารถกลบกลิ่นได้เพียงชั่วคราว การขจัดกลิ่นอาจใช้สมุนไพร เช่น ใบเตย มะนาว ตะไคร้ หรือ ผิวมะกรูด วางตามจุดต่างๆ หรือ นำต้นไม้ที่ปลูกง่าย ไม่ต้องการแสงแดด ตั้งในห้องน้ำ เพื่อบรรยากาศที่สดชื่น
ท่อระบายน้ำ สาเหตุที่มาของกลิ่นในท่อระบายน้ำ คือ สิ่งที่อุดตัน อยู่ภายในไม่ว่าจะเป็นจาก อ่างล้างจานในห้องครัว อ่างล้างหน้าและ ท่อระบายในห้องน้ำ วิธีกำจัดกลิ่น สามารถใช้เชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลายไขมัน หรือ ของเสียที่ตกค้างอยู่ภายในท่อ หรือ ผสมเกลือ กับเบกกิ้งโซดา ตามด้วยน้ำส้มสายชู รอทิ้งไว้ จากนั้นจึงเทน้ำร้อนเดือดลงไป เพื่อให้ท่อน้ำโล่ง ระบายน้ำได้สะดวก และทำความสะอาด ด้วยการเทผลิตภัณฑ์ขจัดเชื้อโรค เป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อทำลายแบคทีเรีย และไม่สร้างกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
ตู้เสื้อผ้า กลิ่นอับจากตู้เสื้อผ้า มาเกิดขึ้นจากอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ และเนื่องด้วยตู้เสื้อผ้า นั้นมักถูกปิดอยู่เสมอ ฝุ่นละอองจึงสามารถสะสมจนนานเข้า กลายเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น และเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างใน มีกลิ่นอับตามไปด้วย บางครั้ง อาจต้องเปิดบานประตูตู้เสื้อผ้า ให้อากาศถ่ายเทเป็นครั้งคราว ใช้แปรงปัดฝุ่น หรือ เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด บริเวณซอกมุมด้านใน รวมถึงตามราวแขวน และลิ้นชัก วิธีกำจัดกลิ่นอับ ใช้กากกาแฟ หรือถ่านหิน หรือ การบูร ซึ่งมีคุณสมบัติใน การดูดซับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ วางด้านใน และคอยเปลี่ยนออกสม่ำเสมอ
กลิ่นบุหรี่ มลพิษจากควันบุหรี่ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้สูบเข้าไปโดยตรง และเป็นปัญหาเรื่องกลิ่น ที่ฝังอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ รอบบ้าน สามารถขจัดกลิ่นได้ โดยเปิดหน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเท ใช้เครื่องดูดฝุ่น และทำความสะอาดพื้น หรือพรม ด้วยเบกกิ้งโซดา ที่มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่น อาจทาสีใหม่ตามผนัง หรือเพดาน ที่มีคราบเขม่าของบุหรี่ ฝังลึกในชั้นปูน หรือ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เพื่อช่วยกำจัดกลิ่นควัน และสร้างอากาศที่บริสุทธิ์ดีต่อสุขภาพปอด
สัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยง เป็นเหมือนอีกสมาชิกของครอบครัว ซึ่งคลุกคลีอยู่ในบ้าน จนเจ้าของอาจคุ้นชิน กับกลิ่นโดยไม่รู้ตัว ทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง ด้วยการอาบน้ำ ตัดแต่งขน เป็นประจำ แยกกรง และที่ขับถ่ายของสัตว์เลี้ยง ให้เป็นสัดส่วนภายในบ้าน และคอยทำความสะอาด ดูดฝุ่นบริเวณที่นอนสัตว์เลี้ยง อาทิตย์ละครั้ง หรือ เปิดเครื่องกรองอากาศ ซึ่งบางรุ่นมีเทคโนโลยี ในการกรองขนสัตว์ได้ และเช็ดถูบริเวณที่มีคราบและร่องรอยของสัตว์เลี้ยง ซึ่งสามารถใช้แสงไฟ จากรังสีอัลตราไวโอต ส่องให้เห็นในที่มืด พร้อมทั้งฉีดพ่น น้ำยาดับกลิ่นสัตว์เลี้ยง ที่ไม่อันตรายต่อสัตว์