คอนโด พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ Park Origin Thonglor ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 10 หรือซอยเอกมัย 5 เรียกว่าเป็นทำเลที่อยู่ใจกลางทองหล่ออย่างแท้จริง และยังเป็นทำเลที่เชื่อมต่อระหว่างซอยทองหล่อและเอกมัย นับว่าเป็นทำเลอีกทำเลหนึ่งที่ฮอตฮิตมากที่สุดและมีราคาที่ดินสูงที่สุดแห่งนึงในกรุงเทพฯ เลย เพราะเรียกได้ว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายทั้งในเรื่องของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่หรูหรา การเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อถนนสายหลัก รวมถึงการเข้าถึงระบบการขนส่งสาธารณะรูปแบบรางได้ง่าย แวดล้อมไปด้วยศูนย์การค้า Community Mall ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น DONDON DONKI, The Commons, J Avenue รวมถึงร้านอาหารชื่อดัง คาเฟ่ และไนท์คลับหลายแห่งบนเส้นทองหล่อ เอกมัย และสุขุมวิทค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางสามารถเข้า – ออกได้ 2 ทางเพราะซอยทองหล่อ 10 เป็นซอยที่เชื่อมระหว่างซอยทองหล่อและเอกมัย เป็นถนน 2 เส้นที่อยู่คู่ขนานกันที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรีซึ่งรถติดมากทีเดียว แต่ภายในซอยทองหล่อและเอกมัยก็ยังพอมีทางลัดเลาะอยู่บ้างค่ะ และยังดีที่ตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางพิเศษฉลองรัช, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้าและออกเมืองจึงทำให้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวไม่ลำบากเท่าไรนัก
การเดินทางโดยรถสาธารณะ นับว่าสะดวกเลยนะคะ เพราะบริเวณโครงการเป็นทำเลที่มีรถสาธารณะผ่านเยอะไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ โดยเราสามารถใช้ Application ทั้ง Grab Taxi และ Line Taxi ประกอบกันไปได้ และก็ยังมีรถประจำทางทั้งรถสองแถวและรถเมล์บนเส้นทองหล่อและเอกมัย ซึ่งเราสามารถเรียกรถไปต่อที่ BTS ทองหล่อและ BTS เอกมัยที่อยู่ห่างจากโครงการออกไปประมาณ 1.4 – 1.5 กม.เท่านั้นเองค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ ตัวโครงการเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Class มี 3 อาคาร สูง 39 ชั้น, 54 ชั้น และ 59 ชั้น บนเนื้อที่ 5 – 3 – 90.9 ไร่ กับห้องพักอาศัยจำนวน 1182 ยูนิต ที่ถูกออกแบบด้วยบริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับสากล ทั้ง Tandam , DWP และ Trop เรียกได้ว่างานดีไซน์ไม่ได้ดีแค่เปลือกนอกเท่านั้น แน่นอนว่าดีเข้าไปถึงเนื้อใน โดยแสดงให้เห็นผ่านทางแนวคิดของโครงการจากรูปทรงเปลือกไม้ที่อ้าออกเผยถึงแก่นด้านในซึ่งเป็นส่วนของ Facilities ของโครงการทั้งหมดกว่า 50 รายการ ทั้ง 3 อาคารก็มีแนวคิดการออกแบบที่แตกต่างกันออกไปแต่มีความสอดคล้องต่อเนื่องกัน อย่างอาคาร A มีแนวคิดจาก Sculpture ที่สง่างามและมั่นคง อาคาร B มีแนวคิดมาจาก Lake แสดงเส้นสายที่โค้งลื่นไหลและต่อเนื่อง ส่วนอาคาร C มีแนวคิดมาจาก Tree เน้นเส้นสายที่มีความเป็นธรรมชาติแต่ก็ยังมีความทันสมัยและแอคทีฟ
ซึ่งแต่ละอาคารจะสามารถเชื่อมต่อกันได้เฉพาะในส่วนที่เป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้สะดวกต่อการใช้งานของลูกบ้านและยังคงความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านแต่ละอาคาร ซึ่งมีจำนวนยูนิตต่ออาคารไม่เกิน 13 ยูนิต/ชั้น และทางโครงการพยายามจัดการโถงทางเดินแบบ Single Corridor ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งงานระบบจะถูกจัดเอาไว้ในบริเวณส่วน Core ของอาคารทำให้มีระยะจากหน้าห้องเดินไปสู่โถงลิฟท์เฉลี่ยพอๆ กันทุกห้อง โดยอาคาร A มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ส่วนอาคาร B และ C มีลิฟท์โดยสาร 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ราวๆ 108 : 1 เกินค่ามาตรฐานมาเล็กน้อยแต่ก็ยังพอรับได้ค่ะ
ส่วนรูปแบบห้องภายในโครงการนั้นก็มีหลากหลายนะคะ ภายในอาคาร A และ B มีห้องพักแบบ Simplex ได้ฝ้าสูงถึง 3.00 เมตรนับว่าโปร่งโล่งทีเดียว ส่วนอาคาร C จะมีห้องพักแบบ Duo Space (Loft) ฝ้าสูง 4.25 เมตร (ชั้นล่าง 2.10 เมตร, ชั้นบน 2.00 เมตร) และห้อง Penthouse ฝ้าสูงถึง 3.50 เมตรเลยค่ะ นับว่าทางโครงการมีการออกแบบห้องมาได้เป็นอย่างดี ขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่จึงสามารถจัดห้องได้ง่ายใช้งานได้ทุกตารางเมตร ให้สเป็กวัสดุที่ดีและสวยงาม ทางโครงการแต่งห้องมาให้แบบ Fully Fitted ได้ เฟอร์นิเจอร์ Built – in มาครบยกเว้นแบบลอยตัว ทั้งครัว, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น และห้องนอน โดยทุกห้องจะมีอ่างอาบน้ำและ Rain Shower แม้กระทั่งห้องขนาด 1 Bed ก็ยังได้มาครบเหมือนกัน
นอกจากนี้เรายังได้ระบบ Home Automation มากับตัวห้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น Smart Mirror, Digital Door Lock ที่รองรับได้ 5 Functions, ระบบเปิด – ปิดม่าน ไฟ เครื่องปรับอากาศ แบบอัตโนมัติ และมี Automatic Night Light ควบคุมการเปิด – ปิด ด้วย Motion Sensor เมื่อลงจากเตียงในเวลากลางคืนด้วย เรียกว่าอยู่เองก็ดี หรือจะปล่อยเช่าชาวต่างชาติก็ง่ายค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่เรียกว่าให้มาแบบไม่มีกั๊กกว่า 50 รายการ ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และอำนวยความสะดวกคนเมืองรุ่นใหม่ รองรับทั้งการพักผ่อน การออกกำลังกาย การทำธุรกิจ คลาสการเรียนรู้ และงานอดิเรก โดยแต่ละอาคารจะมี Facilities อยู่ชั้นบนเป็น Double Floor สามารถเดินเชื่มถึงกันได้ทุกอาคารผ่าน Sky Bridge ซึ่งแต่ละอาคารจะมี Facilities ประเภทที่ใกล้เคียงกันอยู่บ้าง แต่ลักษณะการใช้งานจะต่างกันออกไป เรียกว่าไม่ซ้ำแบบกันเลยค่ะ นอกจากนี้ทางโครงการยังเน้นความเป็นธรรมชาติ ที่ชั้นล่างมีพื้นที่สวนกว่า 2 ไร่ มีการออกแบบที่คำนึงถึงต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่เดิม โดยยังคงต้นไม้ไว้บางส่วนและเน้นพื้นที่สีเขียวทำให้มีความร่มรื่นตั้งแต่ด้านหน้าโครงการเลยค่ะ